สมัครสมาชิก

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

สัญญาประกันชีวิต

สัญญาประกันชีวิต หมายถึง สัญญาที่คู่สัญญาที่เป็นฝ่าย
ผู้รับประกันภัยตกลงใช้เงินจำนวนเงินหนึ่งให้ เมื่อมีเหตุ
อย่างอื่นในอนาคตที่ระบุไว้ในสัญญา ขณะที่ผู้เอาประกันภัย
มีหน้าที่จ่ายเบี้ยประกันภัยเป็นการตอบแทน และเมื่อพิจารณา
ประกอบกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889
ซึ่งบัญญัติว่า ในสัญญาประกันชีวิตนั้น การใช้จำนวนเงินย่อม
อาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง แล้วจะเห็น
ได้ว่าเหตุอย่างอื่นใดในอนาคตที่ระบุไว้ในสัญญา ที่เป็นข้อ
กำหนดในการใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ ก็คือ ความทรงชีพหรือ
ความมรณะนั่นเอง และเงินจำนวนหนึ่งที่ผู้รับประกันภัยมีหน้าที่
ชดใช้ให้แก่ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประกันภัยมีหน้าที่ชดใช้
ให้แก่ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์แล้วแต่กรณี ก็คือเงิน
จำนวนที่ระบุไว้ในสัญญา หรือจำนวนเงินเอาประกันภัยนั่นเอง
ทั้งนี้โดยไม่คำนึงว่าความเสียหายจะมีเพียงใดหรือไม่ต่างจาก
การประกันวินาศภัยที่ผู้รับประกันภัยมีหน้าที่ชดใช้ตามความ
เสียหายที่แท้จริงเป็นสำคัญ

ต้องการข้อมูลทำประกันชีวิตกับกรุงไทยแอกซ่า


สนใจคลิกเลยค่

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทำประกันดีไหม

ฝากเงินกับธนาคารหรือประกันชีวิตอย่างใดดีกว่ากัน ?

หลายท่านยังสงสัยว่าฝากเงินกับบริษัทประกันชีวิตดีกว่าฝากเงินในรูปแบบอื่น หรือไม่ เราขอแนะนำว่าเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง
แต่ต้องมีระเบียบในการเก็บออม ท่านลองศึกษาจากเรื่องเล่าในข้างล่างนี้ แล้วพิจารณาว่าสิ่งใดที่ท่านเห็นว่าดี สิ่งใดที่ท่านเห็นสมควร 
        คุณบอย และคุณตั้ม เป็นเพื่อนกัน ต่างคนตั้งเป้าหมายว่าภายใน 10 ปี จะต้องมีเงิน 1,000,000 บาท เพื่อเอาไว้ลงทุนในกิจการและท่องเที่ยวด้วยกัน
และทั้งสองคนก็ต่างเลือกรูปแบบการเก็บออมที่ต่างกันไป โดยทั้งสองนั้น เริ่มต้นการฝากเงินปีละ 100,000 บาท  เพื่อใช้เวลา 10 ปีจะได้เงินครบตามจำนวนที่ตั้งไว้
        
คุณบอย นำเงินไปฝากธนาคารปีละ 100,000 บาท
        คุณตั้ม นำเงินไปฝากไว้กับบริษัทประกันชีวิต ปีละ 100,000 บาท
        ทั้ง 2 ทำเช่นนี้มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งฝากไปแล้ว 3 ปีและมีเหตุการณ์เป็นกรณีต่างๆ เกิดขึ้นดังนี้


กรณีที่ 1 หากทั้ง 2 ได้รับอุบัติเหตุ ตกเป็นผู้ทุพพลภาพทั้งคู่    - คุณบอย ทำงานไม่ได้ต้องถอนเงินจากธนาคารซึ่งมีอยู่ 300,000 บาทพร้อมกับดอกเบี้ยอีกนิดหน่อย มาใช้เลี้ยงชีวิตตนเอง ไม่กี่ปีเงินก็หมดลง
ตกเป็นภาระแก่ภรรยา พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่
    - คุณตั้ม ทำงานไม่ได้ต้องหยุดฝากเงินเช่นกัน แต่บริษัทประกันจ่ายคืนก่อนให้ทุกปี ปีละ 100,000 บาท เพื่อใช้เลี้ยงดูตนเองในแต่ละปี พอถึงปีที่ 10
ก็ได้รับเงินตามสัญญาอีก 1,000,000 บาท พร้อมเงินปันผลอีกจำนวนหนึ่งที่มากกว่าดอกเบี้ยธนาคาร

กรณีที่ 2 หากทั้งคู่เสียชีวิต ด้วยกรณีใด ๆ ก็ตาม

    - คุณบอย ภรรยา พ่อแม่ ต้องนำเงินที่ฝากไว้ในธนาคาร 300,000 บาท มาใช้จ่ายต่อไป มีรถยนต์ที่ต้องผ่อนอีก 400,000 บาท ไม่สามารถส่งต่อไป
ทรัพย์สินก็ถูกยึดไป ผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องรับภาระลำบากต่อไป
    - คุณตั้ม ภรรยา พ่อแม่ ได้รับเงินทันที 1,000,000 บาท เพื่อมาใช้จ่าย และมีบ้านที่ต้องผ่อนต่ออีก 400,000 บาท ก็สามารถนำเงินมาผ่อนชำระได้

และพอมีทุนในการดำรงชีพและพอลงทุนทำธุรกิจเล็ก ๆ ได้

กรณีที่ 3 ทั้งคู่อยู่ดีมีสุข ฝากได้ถึงปีที่ 10 แล้วทั้งคู่ก็รับเงินคืน
   - คุณบอย ถอนเงินสดพร้อมดอกเบี้ยแบบฝากประจำที่ไม่ถึง 2% ต่อปี ซึ่งเสียภาษีดอกเบี้ยอีก 
   - คุณตั้ม รับเงินสดคืนตามสัญญา พร้อมเงินปันผล และดอกเบี้ย 3% ต่อปี โดยที่ไม่เสียภาษีแต่อย่างใด

แล้วคุณคิดว่าชีวิตของใครจะสุขสบายและมั่นคงกว่ากัน


สนใจคลิกเลยค่ะ